“น้ำมันปลา” หรือ fish oil ไม่ได้เป็นแค่อาหารเสริมกระแสที่ใครๆ กิน แต่คือแหล่งของสารอาหารจำเป็นที่มีผลต่อ พัฒนาการทั้งสมอง ร่างกาย และภูมิคุ้มกันของเด็ก โดยเฉพาะในช่วงวัยเรียนรู้ ที่การเจริญเติบโตของเซลล์สมองและภูมิคุ้มกันกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและนี่คือ 5 ประโยชน์เด่นที่น้ำมันปลามอบให้กับลูกน้อยของคุณ
น้ำมันปลาอุดมด้วย DHA (Docosahexaenoic Acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่พบมากในสมองและจอประสาทตาในวัยเด็ก DHA มีบทบาทสำคัญในการ:
จากงานวิจัยหลายฉบับพบว่า เด็กที่ได้รับ DHA เพียงพอจะมีความจำ การใช้เหตุผล ความฉลาดทางอารมณ์ เรียนรู้เร็ว มีสมาธิ และจดจำได้ดี กว่าเด็กที่ขาด DHA
DHA ยังเป็นส่วนประกอบหลักของ จอประสาทตา (Retina) ซึ่งทำหน้าที่รับแสงและส่งสัญญาณภาพไปยังสมอง หากร่างกายได้รับ DHA ไม่เพียงพอ อาจทำให้สายตาพร่ามัว หรือพัฒนาการมองเห็นล่าช้าในเด็ก
น้ำมันปลาจึงช่วย:
ใน fish oil มี EPA (Eicosapentaenoic Acid) ซึ่งช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
น้ำมันปลาจึงเหมาะสำหรับเด็กที่:
การได้รับ EPA จากน้ำมันปลาสม่ำเสมอ จะช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น และลดการอักเสบเรื้อรัง
หลายงานวิจัยพบว่า เด็กที่มีแนวโน้มสมาธิสั้น หรือมีอาการทางพฤติกรรม เช่น หงุดหงิดง่าย อยู่ไม่นิ่งและ วอกแวกง่าย มักมีระดับ DHA และ EPA ในร่างกายต่ำกว่าปกติ
การเสริม fish oil เป็นประจำมีส่วนช่วย:
แม้ไม่ใช่ยารักษาโดยตรง แต่ fish oil ถือเป็นผู้ช่วยที่ “นุ่มนวลแต่ทรงพลัง” สำหรับเด็กในกลุ่มนี้
แม้ในวัยเด็กปัญหาโรคหัวใจอาจยังไม่ชัดเจน แต่การเสริม fish oil ตั้งแต่วัยเล็กจะช่วย
สุขภาพหัวใจที่ดีตั้งแต่วัยเด็ก คือกุญแจสำคัญของการมีสุขภาพที่ดีในอนาคต
น้ำมันปลาเป็นไขมันดี ซึ่งหมายความว่า ร่างกายจะดูดซึมได้ดีที่สุดเมื่อมีไขมันชนิดอื่นเล็กน้อยในกระเพาะอาหาร ดังนั้น คำแนะนำที่ได้ผลจริงคือ การทานน้ำมันปลาหลังอาหารเช้า หรือ หลังอาหารเย็น โดยเฉพาะมื้อที่มีไขมันดีจากแหล่งธรรมชาติ เช่น ไข่แดง อะโวคาโด หรือปลานึ่ง จะช่วยให้ DHA และ EPA ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น
แม้ว่าจะไม่ได้อันตรายร้ายแรง แต่การทานน้ำมันปลาขณะท้องว่างอาจทำให้:
คำแนะนำทั่วไปคือ เด็กสามารถเริ่มทานน้ำมันปลาได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่ระบบย่อยอาหารเริ่มแข็งแรง และต้องการ DHA และ EPA อย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างสมองและระบบประสาท แต่ ควรเลือกน้ำมันปลาที่ “ออกแบบมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ” เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและปริมาณที่เหมาะสม
แม้น้ำมันปลาจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเรื่องสมอง สายตา หรือภูมิคุ้มกัน แต่รู้หรือไม่ว่า หากทานควบคู่กับสารบางอย่าง อาจทำให้ประสิทธิภาพของน้ำมันปลาลดลง หรืออาจส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้น ก่อนจะเสริม fish oil ให้ลูกหรือทานเอง ควรหลีกเลี่ยงการทานน้ำมันปลาร่วมกับสิ่งต่อไปนี้
น้ำมันปลามีคุณสมบัติช่วยลดการจับตัวของเกล็ดเลือดตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับสุขภาพหัวใจ แต่ถ้าทานร่วมกับ ยาในกลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin, Warfarin (Coumadin), Heparin ซี่งหากทานร่วมกันอาจทำให้ ฤทธิ์เสริมกันมากเกินไป จนทำให้เลือดหยุดไหลยาก หากเกิดแผลหรืออุบัติเหตุ คำแนะนำคือ หากคุณกำลังทานยาเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสริมน้ำมันปลา
“น้ำมันตับปลา” นั้นต่างจาก “น้ำมันปลา” เพราะอุดมไปด้วย วิตามิน A และ D หากทานร่วมกับ fish oil หรืออาหารเสริมอื่นที่มีวิตามิน A อยู่แล้ว อาจทำให้เกิด “ภาวะสะสมวิตามิน A” ในร่างกาย อาการของวิตามิน A เกิน ได้แก่ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร, ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว, ผิวแห้ง ผมร่วง, ในระยะยาวอาจเป็นพิษต่อตับ โดยเฉพาะในเด็ก การสะสมของวิตามิน A มากเกินไปอาจรบกวนการเจริญเติบโตได้
การดื่มชา หรือกาแฟ พร้อมกับการทานน้ำมันปลา อาจลดการดูดซึมของโอเมก้า 3 และวิตามินบางชนิดใน fish oil โดยเฉพาะวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น A, D, E, K นอกจากนี้ คาเฟอีนในชา กาแฟ ยังเป็นสารกระตุ้นที่อาจ รบกวนการย่อยและดูดซึมของน้ำมันปลา ได้อีกด้วย คำแนะนำ ควรเว้นระยะอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ระหว่างการดื่มชา กาแฟ กับการทานน้ำมันปลา
ใน fish oil มีสาร EPA (Eicosapentaenoic Acid) ที่ช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย จึงเหมาะสำหรับเด็กที่มีอาการแพ้บ่อย ซึ่งช่วยลดอาการน้ำมูกไหลจากภูมิแพ้ ป้องกันไข้หวัด และการติดเชื้อบ่อย และเสริมเกราะป้องกันไวรัสช่วงฤดูเปลี่ยน เป็นต้น
น้ำมันปลาคุณภาพสูงจะอุดมด้วยกรดไขมัน โอเมก้า 3 ชนิด EPA (Eicosapentaenoic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นคือ:
การทำงานของ EPA เปรียบเสมือน “ผู้ควบคุมสมดุลในร่างกาย” ที่ไม่ปล่อยให้ร่างกายไวเกินไปต่อสิ่งกระตุ้น (เช่น ไรฝุ่น ละอองเกสร) แต่ก็พร้อมป้องกันเชื้อโรคอย่างมีประสิทธิภาพ
EPA ช่วยลดการหลั่งสารก่อภูมิแพ้ เช่น histamine และ leukotriene ที่ทำให้เกิดน้ำมูก อาการจาม และตาแดง
น้ำมันปลาช่วยกระตุ้นให้เซลล์เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดีขึ้น เพิ่มความสามารถในการดักจับและทำลายไวรัสหรือแบคทีเรีย
ช่วงที่อากาศเปลี่ยน เด็กมักป่วยง่ายกว่าปกติ เพราะร่างกายปรับตัวไม่ทัน การมีระดับ EPA และ DHA ในร่างกายเพียงพอ จะช่วยให้ลูก “มีเกราะป้องกันภายใน” ลดโอกาสป่วยจากไข้หวัดและไวรัสตามฤดูกาล
วิตามินเคี้ยวสำหรับเด็ก… ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมพัฒนาการลูกน้อยอย่างรอบด้าน
ในยุคที่เด็กต้องเผชิญทั้งฝุ่น โรค ภาวะขาดสมาธิ และการเรียนรู้ที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน พ่อแม่หลายคนจึงมองหาวิตามินรวมที่ ตอบโจทย์ทั้งสมอง ร่างกาย และภูมิคุ้มกันในเม็ดเดียว และนี่คือเหตุผลที่ Klarin’s Kids Multi Elderberry & DHA Omega3 กำลังเป็นตัวเลือกที่ผู้ปกครัวยุคใหม่ไว้วางใจ
DHA คือสารอาหารสำคัญที่ช่วยสร้างเซลล์สมองและระบบประสาทในเด็ก ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ Klarin’s เลือกใช้ DHA จากปลาทูน่าธรรมชาตินำเข้าจากออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแหล่งโอเมก้า 3 ที่มีคุณภาพสูง
Elderberry เป็นผลไม้ที่อุดมด้วยสารต้านไวรัสและอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ Klarin’s ใช้เทคโนโลยี INFIDRI™ ซึ่งทำให้คงคุณค่า Polyphenols ได้มากกว่าการสกัดทั่วไปถึง 6.5 เท่า
วิตามินบีรวมทำหน้าที่หลายอย่างในร่างกาย เช่น:
ด้วยการรวมวิตามินเหล่านี้ในเม็ดเดียว เด็กๆ จะมีทั้งพลังงาน ความสดชื่น และสุขภาพที่แข็งแรงจากภายใน
เราเลือกใช้นมวัวจากนิวซีแลนด์ เพื่อให้ได้น้ำนมที่อุดมด้วยแคลเซียม โปรตีน และสารอาหารสำคัญ
ลืมภาพน้ำมันปลากลิ่นแรง หรือวิตามินรสขมที่ต้องบังคับลูกทานไปเลย สูตรของ Klarin’s ผสมผสานรสชาติหอมละมุนของสตรอว์เบอร์รี่และนมเข้าด้วยกัน เด็กๆ จะรู้สึกเหมือนทานขนมเคี้ยวเล่น มากกว่าการกินยา
ให้ Klarin’s Kids Multi Elderberry & DHA Omega3 เป็นผู้ช่วยดูแลพัฒนาการของลูกคุณในทุกวัน
*โปรโมชั่นพิเศษมีเฉพาะทางเว็บไซต์ทางการของ Klarin เท่านั้น